วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

เเมงกะพรุนมีพิษ

       





  1. ปัจจุบันแมงกะพรุนกล่องเริ่มมีมากขึ้น ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า มีแมงกะพรุนกล่องอยู่ทั่วอ่าวไทย ตั้งแต่ภาคตะวันออกถึงภาคใต้ แม้ในบริเวณหาดทรายแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน แต่มีรายงานผู้โดนต่อยในอ่าวไทยมากกว่า โดยช่วงนี้มีการรายงานว่าพบกะพรุนกล่องอยู่มากในแถบตะวันออก เช่น ชุมพรไปถึงพงัน
แมงกะพรุนกลุ่มนี้มีขนาดเล็ก หัวใหญ่ประมาณกำปั้น แต่สายยืดยาวได้ถึง 3 เมตร แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ สายเดี่ยว (ในแต่ละมุม) และสายเป็นกลุ่ม ปกติสายเดี่ยวจะมีพิษน้อยกว่าพวกสายกลุ่ม พบในไทย 10-11 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีพิษต่างกันไป ส่วนความรุนแรงที่เกิดกับผู้ป่วยขึ้นอยู่กับปริมาณพิษที่ได้รับ และมีความแพ้พิษระดับใด ไม่ได้ขึ้นกับความแข็งแรงของร่างกาย
2. สาเหตุที่กะพรุนกล่องเพิ่มขึ้นจากอดีต อาจเกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหรือจากระบบนิเวศได้รับผลกระทบจากมนุษย์ แต่การแก้ที่ต้นเหตุยังทำไม่ได้ นักท่องเที่ยวต้องเรียนรู้ และระมัดระวังตัว หาทางหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด โดยเฉพาะเจ้ากะพรุนกล่อง สามารถพบได้ทั้งกลางวันและกลางคืนในช่วงน้ำตื้น พบในเขตชายฝั่งหรือเกาะใกล้ฝั่ง เช่น สมุย พงัน เกาะล้าน มากกว่าในเกาะไกลฝั่ง เช่น สิมิลัน
3. เนื่องจากกะพรุนกล่องมีขนาดเล็ก จึงเคลื่อนที่เร็ว ตัวใส และพบในน้ำขุ่น โอกาสที่คนเล่นน้ำมองเห็นก่อนเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้าเป็นนักดำน้ำ อาจมองเห็นได้ นอกจากนี้ นักดำน้ำสวมเว็ทสูท โอกาสเป็นอันตรายน้อยกว่า เท่าที่มีรายงานผู้เสียชีวิตในประเทศไทย พบว่าเป็นคนเล่นน้ำตามชายฝั่งมากกว่านักดำน้ำ                           

เเมงกะพรุน

                                 


  ท้องทะเลอันสวยใส มักเป็นหมุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนอยู่ไม่ขาดสาย แต่การลงเล่นน้ำทะเลไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป หากไม่รู้จักระมัดระวังตัวเอง เหมือนกับสาวไทยรายหนึ่งที่ลงเล่นน้ำทะเลที่บริเวณเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แล้วถูก 'แมงกะพรุนกล่อง' ต่อยเข้าที่ลำตัวหลายแห่ง จนเสียชีวิตในที่สุด
โดยทั่วไปแมงกะพรุนเป็นสัตว์เคลื่อนไหวช้า แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเจ้าแมงกะพรุนตัวใสๆ บางชนิด ก็เคลื่อนไหวได้เร็วและยังมีพิษสงมหาศาล หากโดนต่อยเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้บาดเจ็บรุนแรงได้ ยิ่งถ้าได้รับพิษมากๆ ก็ถึงขั้นเสียชีวิตได้เหมือนกัน
วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ เลยจะพาไปทำความรู้จัก แมงกะพรุนกล่อง วายร้ายที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวกันเสียหน่อย รวมถึงความรู้อื่นๆ เกี่ยวกับแมงกะพรุนที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน โดยงานนี้ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลอย่าง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ออกมาให้ความรู้เรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ไว้อย่างน่าสนใจหลายข้อ พร้อมแล้ว ตามมาอ่านกันเลย

เเมงกะพรุนมีพิษ

                                     



 แมงกะพรุนทั่วโลกมีอยู่  200 ชนิด  เป็นสัตว์มีโพรงในลำตัว  ร่างกายประกอบไปด้วยน้ำส่วนใหญ่ ลักษณะคล้ายก้อนวุ้นเคลื่อนที่ได้  แต่การว่ายน้ำแบบเคลื่อนที่ของแมลงกระพรุนเป็นไปอย่างเชื่อช้าและว่ายไปตามกระแสน้ำสุดแต่คลื่นลมจะพาไป  แมงกะพรุนถูกจัดเป็นแพลงตอนชนิดหนึ่งและนับเป็นแพลงตอนขนาดใหญ่  บางตัวมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 40 เซนติเมตร  การที่แมงกะพรุนดำรงชีวิตเป็นแพลงตอนและล่องลอยไปตามคลื่นลมนี้เอง  ช่วงฤดูร้อนที่มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าสู่ภาคตะวันออกของอ่าวไทย  จึงมีแมงกะพรุนชุกชุมอยู่ตามชายทะเลแถบภาคตะวันออกดังนั้นการเล่นน้ำตามสถานตากอากาศแถบบางแสน  พัทยา  ระยอง  จึงอาจถูกแมงกะพรุนไฟได้  รูปร่างแมงกะพรุนมีลักษณะคล้ายร่ม ทางด้านนอกของร่มเป็นรูปโค้งผิวเรียบ  ด้านใต้มีปากอยู่ตรงกลางและมีส่วนยื่นรอบปากออกไป  แมงกะพรุนทุกชนิดมีพิษพบมากบริเวณหนวดและส่วนยื่นรอบปาก    เมื่อได้รับการกระตุ้นโดยการสัมผัส  เข็มพิษจะถูกปล่อยออกมาคล้ายฉมวกพุ่งแทงเข้าไปที่ผิวหนังของเหยื่อหรือศัตรู  น้ำพิษที่อยู่ภายในกระเปาะอาจทำให้เหยื่อขนาดเล็กสลบและตายได้    ตามปกติแมงกะพรุนเป็นสัตว์กินเนื้อ  อาหารที่กินได้แก่  ปลาและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กที่อาศัยตามผิวทะเลโดยแมงกะพรุนใช้เข็มพิษฆ่าเหยื่อ  และรวบจับใส่ปากเข้าไปย่อยภายในท่อทางเดินอาหาร  ส่วนกากอาหารที่ย่อยไม่ได้จะถูกคายทางปาก   แมงกะพรุนส่วนใหญ่มีเพศแยกกันเป็นตัวผู้และตัวเมีย  แต่ต่างจากรูปร่างภายนอกไม่ปรากฏลักษณะที่แตกต่างกันชัดเจน  การผสมพันธุ์เกิดโดยตัวผู้สร้างเสปิร์มส่งออกไปผสมกับไข่ตัวเมีย  หรืออาจเป็นการผสมกันภายนอกลำตัว  ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะเจริญพัฒนาเป็นตัวอ่อน  ดำรงชีวิตเป็นแพลงตอนชั่วคราว  แล้วจากนั้นจะว่ายไปเกาะพื้นเปลี่ยนรูปร่างเป็นโพลิปสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศด้วยการแบ่งตัวออกเป็นชั้นๆ  หลุดไปเป็นแมงกระพรุนตัวเล็กๆแล้วเติบโตเป็นตัวเต็มไว้ในเวลาต่อมา  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518) 

เเมงกะพรุนไม่มีพิษ


                   ภาพแมงกะพรุนใต้น้ำ


แมงกระพรุน

ภาพถ่ายครั้งแรกของนักชีววิทยาชาวรัสเซีย Alexander Semenov ในเดือนมกราคม โดยเลือกที่จะถ่าย ชุดภาพใต้น้ำทางวิทยาศาสตร์ เขาได้ปลดปล่อยภาพในแง่มุมซึ่งยากที่จะเห็นได้ในแต่ละวัน อีกครั้งและอีกครั้ง Semenov ได้จับภาพบางอย่างของชีวิตโลกใต้น้ำ นั่นก็คือแมงกะพรุนที่เป็นสายพันธุ์ที่ใหญ่มากในโลก เห็นได้จาก 2 เดือนสุดท้ายที่เก็บภาพมา มีเพียงแมงกะพรุนลอยหน้าผิวน้ำเต็มไปหมด

เเมงกะพรุน

แมงกะพรุนเกยหาดปรากฎการณ์จากหลายปัจจัย                   

แมงกะพรุน 

               ช่วงนี้ทะเลไทยมีแมงกะพรุนขึ้นมามาก จากชะอำ ไปหัวหิน ไประยอง ไปจันทร์ตราด มีใครต่อใครถามมาหลายราย ผมเลยเขียน 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับแมงกะพรุนมาให้เพื่อนธรณ์ผู้อาจสนใจหรือเอาไว้คุยอวดชาวบ้านก็ได้ครับ
               1. แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่มีอายุสั้นมาก ปรกติแล้ววงจรชีวิตน้อยกว่า 1 ปี แถมช่วงที่เราเห็นเขาลอยตุ๊บป่องอยู่ในน้ำ ยังเป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะช่วงต้นแมงกะพรุนจะอยู่ติดกับพื้น ก่อนปล่อยลูกลอยออกมาทีละตัว ช่วงทีลอยในน้ำเรียกว่า Medusa หรือนังผมงูเก็งกองรายนั้นแหละ
               2. แมงกะพรุนมีนับพันชนิด จะเอาแบบเหมาน่าจะเกิน 2,000 ชนิด มีตั้งแต่ตัวเท่าหัวเข็มหมุดไปจนถึงตัวใหญ่กว่าคนด้วยซ้ำ แต่ขนาดไม่เกี่ยวกับพิษ โดยเฉพาะเจ้าตัวใหญ่อย่างแมงกะพรุนแผงคอสิงโต ถือเป็นเป้าหมายในการถ่ายภาพใต้น้ำชั้นยอด เป็นเหมือนยานอวกาศที่มีลูกปลาและสัตว์อาศัยเต็มไปหมด ผมเคยไปลอยตุ๊บป่องถ่ายภาพกับเธอเป็นชั่วโมง ไม่เบื่อครับ
               3. เนื่องจากชีวิตของแมงกะพรุนเกิดเร็วตายเร็ว จึงสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ดี โดยเฉพาะปริมาณของแมงกะพรุนที่มีมากขึ้นหรือน้อยลง เป็นไปตามอาหารของแมงกะพรุนเป็นหลัก
               4. แมงกะพรุนกินแพลงก์ตอนจิ๋ว ตั้งแต่แพลงก์ตอนพืช เรื่อยไปจนถึงแพลงก์ตอนสัตว์ รวมทั้งลูกสัตว์น้ำวัยอ่อน หากมีน้ำจืดไหลลงทะเลมาก บนแผ่นดินมีปุ๋ยหรือมีธาตุอาหารเร่งการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนเยอะ ปริมาณแพลงก์ตอนมาก ลูกแมงกะพรุนก็รอดมาก ปริมาณจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าในช่วงปลายฝนต้นหนาว น้ำจากแม่น้ำไหลลงทะเลพลั่ก ๆ เราจะเจอแมงกะพรุนเยอะเป็นพิเศษ
               5. แมงกะพรุนไม่ได้เป็นสัตว์สังคม ไม่จำเป็นต้องอยู่รวมกัน เผอิญแมงกะพรุนกำหนดทิศทางในการเดินทางของตัวเองไม่ได้ ต้องปล่อยให้กระแสน้ำพาไป อย่างดีก็ได้กระพือนิดหน่อย แมงกะพรุนถือเป็นแพลงก์ตอนครับ การมารวมกันของแมงกะพรุนจึงไม่ใช่มาโดยสมัครใจ แต่เชื่อว่าเป็นแมงกะพรุนรุ่นนั้นที่โตมาพร้อมกันในจังหวะที่มีอาหารมากเป็นพิเศษ                                        

เเมงกระพรุนไฟ

                           



                                            

   เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ด้านบนเป็นวงโค้งคล้ายร่ม ด้านล่างตอนกลางเป็นอวัยวะทำหน้าที่กินและย่อยอาหาร มีหลายชนิดเช่น แมงกะพรุนจานหรือแมงกะพรุนหนัง ซึ่งกินได้ ส่วนแมงกะพรุนถ้วยหรือแมงกะพรุนไฟนั้นมีพิษ
            

เเมงกระพรุนปีศาจร้าย

                             





                                             รูปภาพ แมงกะพรุน ปีศาจร้ายใต้ทะเล


 แมงกะพรุน ปีศาจร้ายใต้ทะเล แมงกะพรุน ไม่ใช่สัตว์จำพวกปลา แมงกะพรุน เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล มีมากกว่า 1,500 ชนิด แมงกะพรุนแต่ละชนิดก็จะอยู่อาศัยในพื้นที่ๆ ต่างกันตามแต่ระดับความลึกของทะเล และอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อตัวมัน แมงกะพรุนสวยๆ เหล่านี้ ล้วนมีพิษ สามารถต่อยให้เกิดบาดแผล สร้างความเจ็บปวดแก่เราได้ เพราะฉะนั้น อย่าได้ประมาทแมงกะพรุนเชียว
                                               

เเมงกระพรุนโมฟสติงเกอร์

                       

สเปนสั่งปิดชายหาดหลายแห่งเหตุทัพ “แมงกะพรุน” บุก


แมงกะพรุน โมฟ สติงเกอร์
        เทเลกราฟ - ประชาชนที่มาเที่ยวทะเลช่วงวันหยุดฤดูร้อนถูกสั่งห้ามลงเล่นน้ำที่ชายหาดหลายแห่งทั่วสเปน หลังพบกองทัพแมงกะพรุน “โมฟ สติงเกอร์” จำนวนมากลอยเข้ามาใกล้ชายหาด โดยครั้งนี้อาจนับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 2 ปี
       
       ชายหาดหลายแห่งใน คอสตา บลังกา ทางเหนือของเมืองอาลิกันเต ถูกสั่งห้ามสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งนิยมมาเล่นน้ำและอาบแดด หลังเกิดเหตุแมงกะพรุน “ระบาด” ทั่วชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
       
       หนวดสีม่วงใสซึ่งเรืองแสงได้ในยามค่ำคืนจะทำให้เกิดผื่นแดงเล็กน้อยหากไปสัมผัส แต่สำหรับบางคนที่แพ้มากก็อาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นหัวใจล้มเหลวได้ 

เเมงกระพรุนมัพิษเเละอาการ

                             


แมงกะพรุน

      พิษและอาการ
          พิษที่ได้รับจากแมงกะพรุนจะมีอาการมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์และบริเวณผิวหนังที่ถูกเข็มพิษนั้นด้วย อาการที่เกิดขึ้นตอนที่ถูกเข็มพิษคือ ทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นผื่นแดงปวดแสบปวดร้อนตกเลือด เกิดอาการชา รวมไปถึงอาการปวดท้อง จุกเสียดแน่นหน้าอกและเป็นไข้ด้วย แม้ว่าบริเวณที่ถูกเข็มพิษห่างจากบริเวณท้องก็ตาม บางรายอาจมีอาการท้องร่วงสำหรับบริเวณที่ถูกเข็มพิษนั้นมักจะเป็นรอยแผลไหม้เหมือนไฟลวก ถ้าถูกพิษมากบางคนร้ายแรงอาจจะมีอาการชักจนหมดสติได้ แต่ในจุดำน้ำเกาะทะลุ จะไม่ค่อยมีแมงกะพรุน           

เเมงกระพรุนมีพิษร้าย

             



89302_full


      แมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกนั้น คือแมงกะพรุนปอร์ตุกีสแทนออฟวอร์ ลักษณะเด่นๆ คือ จะมีร่มของแมงกะพรุนที่มีลักษณะคล้ายหมวกของทหารปอร์ตุกีส และมีหนวดยาวๆ  ส่วนอีกชนิดหนึ่งที่พิษร้ายแรงไม่แพ้กัน นั้นคือ แมงกะพรุนกล่อง ซึ่งสายพันธุ์นี้ลำตัวจะใสมากแทบมองไม่เห็น แล้วก็ยังมีเข็มพิษอยู่ในเซลล์เป็นล้านๆ เซลล์                 

เเมงกระพรุนกล่อง

                               


แมงกะพรุนกล่อง


 แมงกะพรุนกล่อง (Box jellyfish) เป็นหนึ่งในสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก เพราะมีเข็มพิษอยู่ในเซลล์จำนวนล้านๆ เซลล์ มีหนวดที่ยาวมาก และใสจนแทบมองไม่เห็น บางตัวอาจมีความยาวถึง 3 เมตร พิษของแมงกะพรุนกล่อง มีพิษต่อหลายระบบในร่างกายทั้งเลือด เนื้อหนัง หัวใจ ประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังเกร็ง เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดหัว กระสับกระส่าย แน่นหน้าอก ส่วนใหญ่ผู้ได้รับพิษมักมีอาการปวดบริเวณแผล หรืออาจปวดไปทั่วร่างกายในบางราย อาจตายหรือจมน้ำก่อนใครจะช่วยทัน พิษของแมงกะพรุนจะทำให้บริเวณที่สัมผัสเป็นเส้นสีแดง คล้ายถูกแส้หรือถูกฟาดอย่างแรง                     

เเมงกระพรุนไฟ

     



 แมงกะพรุนไฟ (Portuguese man-of-war)
ภาพจาก "เรื่องของแมงกะพรุนไฟ" :http://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=18870
               พิษของแมงกะพรุนไฟมาจากไหน?
               พิษของแมงกะพรุนมาจากเข็มพิษ หรือ nematocyst  ภายในนีมาโตซีสมีน้ำพิษที่เป็นอันตราย ปกติแมงกะพรุน เขาใช้ในการล่าเหยื่อ  ทำให้เหยื่อสลบไปก่อนที่จะรับประทาน เมื่อไหร่ที่เราบังเอิญไปโดนพิษแมงกะพรุนไฟ หรือ บางทีเป็นเพียง หนวดหรือเข็มพิษของเขาลอยตามน้ำมา เท่านั้น เข็มพิษ จะทำให้เรา ปวดแสบ ปวดร้อน ทันที แม้อยู่ในน้ำ เกิดอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง เป็นรอยไหม้ บางรายทำให้เกิดอาการจุกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เป็นไข้ และแมงกะพรุนไฟบางประเภทมีอันตรายที่  ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ (ยังไม่พบแมงกะพรุนชนิดนี้ในประเทศไทย) แผลที่เกิดขึ้นจากแมงกะพรุนไฟนี้ มักจะเป็นรอยไหม้ และเป็นแผลเรื้อรัง จนอาจจะเป็นแผลเป็นได้ 

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

เเมงกระพรุน

                                             
                                                        89302_full


แมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกนั้น คือแมงกะพรุนปอร์ตุกีสแทนออฟวอร์ ลักษณะเด่นๆ คือ จะมีร่มของแมงกะพรุนที่มีลักษณะคล้ายหมวกของทหารปอร์ตุกีส และมีหนวดยาวๆ  ส่วนอีกชนิดหนึ่งที่พิษร้ายแรงไม่แพ้กัน นั้นคือ แมงกะพรุนกล่อง ซึ่งสายพันธุ์นี้ลำตัวจะใสมากแทบมองไม่เห็น แล้วก็ยังมีเข็มพิษอยู่ในเซลล์เป็นล้านๆ เซลล์

เเมลงกระพรุน

                             



                             jellyfish357

                                                                   แมงกะพรุน
แมงกะพรุน หรือ กะพรุน  (อังกฤษ: Jellyfish, Medusa) จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมไนดาเรีย ไฟลัมย่อยเมดูโซซัว แบ่งออกเป็นอันดับได้ 5 อันดับ (ดูในตาราง) ลักษณะลำตัวใสและนิ่มมีโพรงทำหน้าที่เป็นทางเดินอาหารมีเข็มพิษที่บริเวณหนวดที่อยู่ด้านล่าง ไว้ป้องกันตัวและจับเหยื่อ เมื่อโตเต็มวัย ส่วนประกอบหลักในลำตัวเป็นน้ำร้อยละ 94-98 ด้านบนเป็นวงโค้งคล้ายร่ม ด้านล่างตอนกลางเป็นอวัยวะทำหน้าที่กินและย่อยอาหาร พบได้ในทะเลทุกแห่งทั่วโลกแมงกะพรุนส่วนใหญ่จัดอยู่ในอันดับไซโฟซัว แต่ก็บางประเภทที่อยู่ในอันดับไฮโดรซัว อาทิ แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส (Physalia physalis) ซึ่งเป็นแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก และแมงกะพรุนอิรุคันจิ (Malo kingi) ที่อยู่ในอันดับคูโบซัว ก็ถูกเรียกว่าแมงกะพรุนเช่นกัน

เเมงกระพรุน

                                 




โดยทั่วไปแล้ว แมงกะพรุนมีหลายชนิดที่สามารถรับประทานได้ โดยชาวประมงจะเก็บจากทะเล และผ่าออกทำการตากแห้งและหมักกับเกลือสารส้ม และโซเดียม[7] ก่อนจะนำออกขาย โดยประกอบอาหารได้หลายประเภท อาทิ ยำ และเป็นส่วนประกอบสำคัญของเย็นตาโฟ ซึ่งแมงกะพรุนชนิดที่รับประทานได้ คือแมงกะพรุนหนัง (Rhopilema spp.) และ แมงกะพรุนจาน (Aurelia spp.) ซึ่งชาวจีนมีการรับประทานแมงกะพรุนมาไม่ต่ำกว่า 1,000 ปีแล้ว คุณค่าทางอาหารของแมงกะพรุน คือ มีโปรตีนสูงและแคลอรีต่ำ เป็นโปรตีนประเภทคอลลาเจนสามารถรับประทานได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าคอลลาเจนจากแมงกะพรุนอาจจะมีส่วนรักษาโรคไขข้ออักเสบ และโรคหลอดลมอักเสบ ตลอดจนทำให้ผิวหนังนุ่มนวลด้วย [             

เเมลงกระพรุน









แมงกะพรุนไฟ ซึ่งจะมีลักษณะที่ แตกต่างจาก แมงกะพรุนธรรมดาๆ อย่างเห็นได้ชัด สามารถสังเกตได้จากสีสันที่ค่อนข้างสด และหนวดที่เป็นสายยาว อาหารของพวกเขาคือ แพลงตอน ปลา กุ้ง หอย